มือถือเครื่องเก่า Asus Zenfone 4.5 ซื้อต่อมาจาก @minxkung เมื่อนานโขมากแล้วหละ เริ่มมีอาการแบตไหล ใช้งานแล้วอืดมาก เลยต้องตัดสินใจหาเครื่องใหม่ซักที ตอนแรกอยากได้ Moto G มากๆ เป็นติ่ง Moto มาก่อน (เครื่องก่อนหน้า Zenfone ใช้ Moto Razr นะเออ) แต่เทพด๋อยทั้งหลายก็บอกว่า “ถ้าเอา Moto G ก็เอา Xiaomi เถอะ ราคาเท่ากันสเปคดีกว่าเห็นๆ” ตอนแรกก็เริ่มลังเลเหมือนกัน คือเราเคยเล่นแต่ rom ของมันยัดลง Moto Razr แต่มือถือนี่จะรอดมั้ยเนี่ย เห็นมันเป็นของจีน (เหอๆ) แต่เห็นพี่ที่ออฟฟิศใช้ Mi 3 อยู่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย ประจวบเหมาะว่า Mi 4i มันออกมาพอดีและมีพี่ที่ทำงานอยู่สิงคโปร์จะกลับมาพอดี ก็เลยรบกวนเค้าหอบมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้จนได้ (ขอบคุณพี่ @thangman22 สำหรับการนำพามาให้นะครับ )
สำหรับ Mi 4i เห็นเขาบอกว่ามันเป็นรุ่นลูกที่แตกมาจาก Mi 4 อีกที ให้อารมณ์เหมือน iPhone 5 กับ 5C นั่นแหละ เป๊ะๆ ฉะนั้นก็เลยแปะสเปคของมันมาให้ดูกัน ร่ายยาวเรื่องสเปคมือถือไม่ใช่งานของเรา 5555 (ข้อมูลจาก GSMArena)
จากสเปคข้างต้นก็จะพบว่าใช้งานค่ายมือถือในไทยได้สบายบรื๋อ สามารถใส่ซิมได้ 2 ซิม แต่ 4G น่าจะมีปัญหาหน่อยเพราะคลื่น 1800 บ้านเรายังไม่มีนั่นเอง… ส่วน OS ก็ให้มาเป็น Android 5.0.2 เลย เรื่อง OS ของ Xiaomi ต้องทำเข้าใจก่อนว่า คนที่เล่น rom MIUI เนี่ย ไม่ค่อยจะแคร์เรื่องเวอร์ชั่นของ Android เท่าไหร่ เพราะเวลาอัพจริงๆ ก็ดูที่เวอร์ชัน MIUI มากกว่า มันมาพร้อมกัน พูดง่ายๆ คือ MIUI 5 จะได้ Android 4.4 ในขณะที่ MIUI 6 ได้ Android 5.0 งี้ ฉะนั้น rom Android ของมันจะคงที่ ไม่อัพเดทเหมือน Pure Android ทั่วไป แต่ MIUI สิไม่คงทน พี่แกเล่นอัพเดทบ่อยมาก เดี๋ยวอัพเดทแอพกล้องบ้างแหละ มีอะไรเพิ่มมาบ้างแหละ ก็เป็นเรื่องสนุกของคนเล่น rom ตัวนี้ไป นอกนั้นก็มีกล้อง มีหูฟัง แบตอึดๆ ให้ ประมาณนี้
แกะกล่องส่องหมี
ก่อนหน้าเนี่ยได้ Mi Band มาหนึ่งอัน เพราะว่ามันถูกแล้วก็อยากรู้ว่าประสิทธิภาพโหดขนาดไหน ตอนได้กล่องมาตอนนั้นเป็นกล่องกระดาษาน้ำตาลๆ ก็คิดว่ามันคงเป็นเฉพาะของ Mi Band ละมั้ง แต่พอได้ของ Mi 4i มา ก็พอเข้าใจละว่า Xiaom ใช้กล่องกระดาษทำ Package เป็นต้นมาตามหลัก Eco นั่นเอง เอาหละ ได้เวลาแกะกล่องกันละ
แกะกล่องเจ้า Mi 4i ออกมา ในกล่องจะมีมือถือ (ไม่ให้สิแปลก), สายชาร์ท USB, หัวชาร์ท USB แบบปลั๊กสิงคโปร์ (อันนี้ได้มาก็เท่านั้น ใช้ในบ้านเราไม่ได้), ตัวดันรูถาดใส่ซิม แล้วก็คู่มือรวมถึงประกันเครื่องอยู่ในนี้แหละ ประกัน 1 ปี ส่งเคลมได้เลย
แรกจับครั้งแรก เบามาก… แล้วก็นึกว่าตัวเองถือ iPhone อยู่ จริงๆ นะไม่รู้ทำไม แปลกมือมากๆ ได้ฝาหลังสีเทาออกดำมา สวยดี ชอบเลย กระจกดูดี เห็นเขาว่าเป็นกระจกแบบกรีดแล้วไม่เป็นรอยด้วย ฝาหลังจับๆ แล้วก็เฉยๆ ไม่รู้สึกว่าเป็นพลาสติกเกินไป
รอบเครื่องก็มีรู USB อยู่ใต้เครื่อง บนเครื่องฝั่งซ้ายมีรูหูฟัง ด้านซ้ายบนเป็นที่ใส่ซิม มีรูเล็กๆ ให้เสียบดันมันออกมา ส่วนด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงอยู่ด้านบน ปุ่ม Power อยู่ด้านล่าง ไอ้เรื่องปุ่มฝั่งขวานี่แหละที่ไม่ชินเอามากๆ ตอนใช้ Zenfone เนี่ย ปุ่ม Power มันอยู่ด้านบนไง พอเราจะปลดล็อกมือถือทีไร มือลั่นไปกดผิดเป็นเพิ่มเสียงทุกที กว่าจะชิน -*-
หน้าเครื่องก็มีกล้องหน้าให้ 5 ล้าน กล้องหลัง 13 ล้านมีแฟลชคู่ด้วย จอสว่างมาก สีสดใสฟรุ้งฟริ้ง ลำโพงเสียงดี แต่ก็ตามมาตรฐานลำโพงมือถือทั่วไป
ลองเล่น MIUI 6
พอได้เครื่องมา สิ่งแรกที่ทำคือเปลี่ยน Launcher ทันที คือ MIUI Luancher เนี่ย มันไม่สวยเลยนะ กากมากด้วย เค้าอยากให้คนใช้มี Look & Feel แบบ iOS แต่มันไม่ถึงไง ดูจี๊นจีน แต่การตั้งค่ารวมถึงพื้นเพหลังก็ยังเป็น MIUI อยู่นะ แต่เราไม่ชอบหน้าตาตอน Home Screen แค่นั้นเอง ก็เลยเปลี่ยนเป็น Action Laucnher ตามคำแนะนำของ @tnwso สำหรับใครที่เล่น rom มันมา จะรู้ว่ามีแอพประหลาดๆ แถมมาให้ตลอดเวลา เพราะมันไม่มี Google Apps ติด rom มาให้ แต่สำหรับเครื่องที่ Xiaomi ขายทั่วโลกยกเว้นในจีน จะไม่มีแอพประหลาดๆ พวกนั้นมาให้ และเครื่องก็จะมาเป็นภาษาอังกฤษเลย และติดตั้ง Google Apps มาให้พร้อมเสร็จสรรพ สบายแฮ~
เจ้า MIUI เนี่ย จุดเด่นมันคือการทำให้ rom ใช้งานได้เร็วมากๆ ฉะนั้น ไอ้คำว่าเร็วมากๆ มันก็จะคอย kill process แอพตลอดเวลา… พอใช้ Telegram กับ LINE ช่วงแรกๆ ก็งงว่าทำไมมันไม่เตือนอะไรซักอย่าง ล็อค process แล้วด้วย ก็เพิ่งมารู้ทีหลังนี่แหละว่ามัน kill process จริงๆ นั่นแหละ ก็เลยต้องไปตั้งค่าพวก permission แล้วก็ Autostart ด้วย กว่าจะเข้าที่เข้าทาง งงไปหลายตลบ
ความเจ๋งอย่างนึงคือ ถ้าเราใช้ Bluetooth ใดๆ เช่นอย่างของผมคือ Mi Band แล้วใช้ร่วมกับ Mi Fit ด้วย จะสามารถใช้มันปลดล็อคเครื่องได้เลย แต่ก็จะพบปัญหาอยู่บ่อยครั้งพอสมควร เช่น Pair ไม่ติดบ้าง Sync ข้อมูลใน Mi Fit ไม่ติดบ้าง ต้องคอยปิด Bluetooth ในมือถือตลอด อันนี้โคตรจะกวนใจเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นที่ Mi Band เองหรือเปล่า
เรื่องเล่นเกม ก็สมน้ำสมเนื้อ เล่น Ingress ลื่นไหล GPS แม่นและเร็ว หรือจะเล่นเกมแบ๊วๆ ก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้เทสเกมหนักๆ เพราะส่วนตัวไม่ได้เล่นเกมแนวนั้นบนมือถือ Cardboard ใช้งานได้เต็มที่ ไม่มีกระตุก แต่เครื่องร้อนมาก ซึ่งมันก็ไม่ได้ลื่นเสมอไป บางทีเปิดแอพไว้เยอะไม่ได้ kill process ออก เกมกระตุกซะงั้น – –
เมนูตั้งค่าของเครื่องน่าจะเป็นปัญหาหน่อยๆ คือบางอย่างนึกจะหาง่ายก็ง๊ายง่าย แต่อันไหนหาไม่เจอนี่ปวดหัวเลย ตัวอย่างเช่นเรื่อง Permission สมมติจะไปตั้งค่าเรื่อง Autostart เนี่ย มันไม่เจอในเมนูตั้งค่า ต้องเปิดแอพชื่อ Security เข้าไปตั้งค่า ตอนแรกก็หาไปเถอะว่าเมนู Security มันอยู่ตรงไหนในเมนูตั้งค่า หรืออย่างจะหาดู Battery มันก็ไม่มีเมนูแบตเตอรี่อยู่ข้างนอกเหมือน Android ทั่วไป มันจะไปอยู่ใน Additional settings อีกที งงมากว่าพี่แกจะซ่อนการตั้งค่าอะไรเยอะแยะขนาดนี้ และบางอย่างก็งงว่าพี่จงใจให้พวกผมใช้หรือเปล่าฮะ เช่น ตอนเราเปิด task ขึ้นมา มันเป็นไอคอนเล็กๆ แต่ทำไมเราเห็นในรีวิวคนอื่นมันใหญ่เบิ้มเป็น Screenshot เลย เลยไปค้นๆ ข้อมูล เค้าบอกต้องซูมเอา นี่ก็แบบ… ถ้าไม่หาข้อมูลจะรู้ปะเนี่ยว่าทำแบบนี้ -_-
บ่นไว้เยอะ มาดูเรื่องอยากชมบ้าง การตั้งค่าเครื่องของ MIUI 6 นี้จัดว่าเด็ดมากๆ เราสามาถตั้งค่าเรื่องต่างๆ ได้ละเอียดมาก เช่น หน้าจอสามารถปรับ contrast ได้หรือให้สีจอมีความเย็นหรืออุ่นขนาดไหนก็ย่อมได้ รวมถึงสามารถตั้งค่าหูฟังได้ด้วยนะว่าเราเสียบหูฟังแบบไหนอยู่ มันจะทำให้เสียงที่ออกมาจากหูฟังรู้สึกว่าเข้ากับหูฟังของเราอย่างลงตัว อย่างเราใช้ In-ear มันก็รู้สึกว่าเสียงดีใช้ได้เลย อีกทั้งสามารถปรับ EQ ได้
ฟีเจอร์อื่นๆ อย่างที่มือถือหลายๆ ตัวทำได้ เช่น เคาะหน้าจอปลดล็อก ใช้ Smart Cover เจ้านี่ก็ทำได้เช่นกัน และมีฟีเจอร์อีกอันที่ร้องว้าวมากๆ คือ One-Handed Mode มันคือการทำให้หน้าจอของเราเล็กลง ให้สามารถใช้งานได้ภายในมือเดียว ใช้งานโดยเปิดฟีเจอร์นี้แล้วรูดปุ่มควบคุมด้านล่าง มันก็จะเริ่มทำงาน สมมติจะให้จออยู่ซ้ายมือ เราก็รูดตั้งแต่ปุ่ม Back ยาวมาถึงปุ่ม Recent app หน้าจอก็ย่อลง หรือถ้าจะให้จออยู่ด้านขวาก็รูดตั้งแต่ปุ่ม Recent app จนถึงปุ่ม Back หน้าจอก็ย่อลงมาเช่นกัน ขนาดของจอที่ย่ออยู่ที่ประมาณ 4 นิ้ว ทำให้ใช้งานด้วยมือเดียวได้จริงๆ หรือใครคิดว่า 4 นิ้วยังใหญ่กว่ามือเราอยู่ก็เลือกเป็น 3.5 นิ้วได้เช่นกัน
เรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ใน MIUI นี่ต้องลองเล่นเองดูแล้วจะรู้ว่าเหมือนสวนลึกลับมากๆ มีอะไรประหลาดๆ โผล่มาเยอะจริงๆ ขนาดฟีเจอร์เรื่องเคาะหน้าจอเพื่อปลุกหน้าจอเราก็เพิ่งรู้ตอนเขียนบล็อกนี่แหละ – -”
แบตเตอรี่พี่อึดทั้งวัน
แบตให้มา 3120 mAh จากการลองใช้งานหลายๆ รูปแบบพบว่า ยังไงพี่แกก็อึดอยู่ดี โดยปกติถ้าใช้มือถือ ยังไงก่อนนอนก็ต้องชาร์ทกันเป็นธรรมดา ตอนแรกเราใช้งานแบบทั้งวัน ชาร์ทเต็มตอนบ่าย 3 เปิดเล่นทั้งวันเพราะตอนนั้นโหลดแอพเข้าเครื่องแล้วก็ตั้งค่า ใช้ทั้ง WiFi ทั้ง 3G ถึงห้อง 3 ทุ่ม แบตเหลือประมาณ 20-30% อีกครั้งนึงคือตื่นมา 9 โมงก็ถอดปลั๊กแล้วก็เล่นจุกจิกๆ ฟังเพลง ถึงออฟฟิศทำงานก็ไม่ค่อยได้เปิดมาเล่น ถึงห้องแบตยังเหลือ 50-60% คือแบบ… ฟฟฟฟฟฟ อึดมาก อึดจนตกใจ และอีกครั้งที่ทดสอบคือตอนกลับบ้านเมื่อวันก่อน ชาร์ทเต็มออกมาจากหอ ตลอดทางใช้ Music Streaming ต้องใช้เน็ตตลอดทาง มาถึงบ้านใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง แบตลดไป 20% เอง เรื่องแบตหายห่วงครับ
ส่องเลนส์รอบเครื่อง
กล้องนี่แทบจะเป็นปัจจัยสำคัญของมือถือหลายๆ เครื่องเลยละมั้ง เจ้านี่ให้กล้องหลังมา 13 ล้าน กล้องหน้า 5 ล้าน และรู้สึกว่ากล้องนี่แหละจะชอบมีปัญหากับ MIUI ประจำ พออัพเดททีจะต้องมีเรื่องกล้องมีปัญหาตลอด ล่าสุดของตัวเองมีปัญหาคือความกว้างของมุมเลนส์ ก่อนอัพเป็น 6.5 จำได้ว่าถ่ายภาพได้กว้างกว่านี้ พอตอนนี้เป็น 6.6 ความกว้างของภาพมันแคบลงมาก ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะ
เรื่องของ Hardware มันพูดยากไป ขอมาพูดถึง Software ของมันดีกว่า MIUI 6 ให้ฟีเจอร์ของกล้องมาเด็ดดวงมาก ตั้งแต่เลื่อนไปทางขวาจะได้ Live Filter ระหว่างถ่ายมา ถ้าเลื่อนไปทางซ้ายจะเจออีกเยอะแยะเช่น ถ่ายโหมด Manual, พาโนราม่า, ตั้งเวลาถ่าย, Refocus, ถ่ายโหดมฟรุ้งฟริ้ง และถ่ายภาพตอนกลางคืน
สามารถเปลี่ยนกล้องหน้าได้ง่ายๆ ด้วยการปัดหน้าจอลงมันก็จะสลับให้ กล้องหน้ามีกิมมิคนิดหน่อยคือ มีโหมดฟรุ้งฟริ้งให้ ถ้าเราเปิดโหมดนี้จะสามารถทำนายอายุจากใบหน้าได้ ซึ่งไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ
เวลาถ่ายภาพ สามารถแตะที่หน้าจอแล้วพอมันโฟกัส สามารถแตะซ้ำอีกรอบเพื่อถ่ายก็ได้ หรือใช้จุดโฟกัสปรับค่าชดเชยแสงก็ย่อมได้เช่นกัน ตรงนี้ดี ชอบมาก
โหมดวิดีโอสามารถถ่ายด้วยโหมดธรรมดา, Slow-motion หรือ Time-lapse ก็ได้หมด การตั้งค่าของกล้องหลายๆ ส่วนอาจจะทำให้ไฟล์มันเพี้ยนพอสมควร อย่างถ่ายวิดีโอต้องตั้งค่าเรื่องโฟกัสกับเรื่องกันภาพไม่สั่นออก เพราะถ้าปรับสองอันนี้ วิดีโอกระตุกมาก ไม่สมูทเลย ตัวอย่างเช่นนี้
แต่ถ้าปรับแบบโอเคแล้ว ก็จะเป็นแบบนี้ ถ่ายแล้วกำลังดี Full HD เลยทีเดียว
โดยรวมกล้องถ่ายออกมาดีนะ แต่งภาพเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ใช้ได้เลย สถานที่ในไทยบ้านเราสีไม่ค่อยจัด เวลาถ่ายภาพมันเลยไม่ค่อยจัดตามจอ อันนี้ก็งงๆ ยังไงถ้าอยาเห็นภาพเต็มๆ ของภาพถ่ายที่ถ่ายด้วย Mi 4i แบบไม่แต่ง ก็ทัศนาได้จากอัลบั้มนี้เลยนะจ๊ะ
สรุปแล้วคิดว่าไง ?
ดี! ชอบ! ใช้แล้วปลื้ม ถึงแม้เวลากดเข้าแอพมันไม่ได้แตะพูดเข้าเลยก็ตาม มันก็มีหน่วงหน่อยๆ แต่เวลาใช้ไม่ค่อยแคร์เรื่องนั้นเท่าไหร่ ชอบที่ฟีเจอร์แปลกๆ ใส่มาให้ดันสามารถใช้ได้จริง ข้อเสียอย่างนึงที่พบคือ บางทีเครื่องร้อนแบบไม่ทราบสาเหตุ มักจะเกิดตอนที่อัพเดท MIUI ใหม่แล้วมันก็เป็นทุกที ต้องรีสตาร์ทเครื่องใหม่ แล้วก็เรื่อง Pair อุปกรณ์ Bluetooth ชอบไม่ติด บางทีพอ Sync Mi Fit ติด เวลาปลดล็อกไม่ติดซะงั้น อันนี้ก็ชวนหน่ายใจ ถือเป็น Android Device ที่ควรค่าแก่การใช้งานสำหรับคนใช้งานทั่วๆ ไป ถ้าเล่นของใหญ่ไม่น่าจะเหมาะแน่นอน ยังไงก็ภาวนให้มันเข้าไทยเร็วๆ ละกัน เห็นหลายๆ คนอยากได้กันเยอะแยะเลย